ค้นหาพระเครื่อง
ค้นหาร้านพระเครื่อง
รายละเอียด
เหรียญ ลพ.ท้วม วัดบางขวาง รุ่นแรก ปี2475 พระครูศีลาภิรม (ท้วม ธมฺมธโร) เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๓ ที่บ้านบางกระบือ ตำบลเสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โยมบิดาชื่อ "เนียม" โยมมารดาชื่อ "บุญ" เมื่อวัยเด็กบิดามารดานำไปฝากเรียนหนังสือที่วัดโคก (วัดคงคา) อ.บางใหญ่ กับ พระอาจารย์ขำ จนอ่านออกเขียนได้ดีแล้วจึงกลับมาช่วยบิดามารดาทำสวน
ในสมัยวัยรุ่น ท่านมีนิสัยนักเลงไม่ยอมคน จนมีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้น ต่อมาเมื่อบิดาถึงแก่กรรม มารดาของท่านเห็นว่า ควรให้บุตรชายได้บวชเรียนเสียก่อน เพื่ออบรมจิตใจ จึงได้นำท่านไปบวชที่วัดคงคา ปรากฏว่าในวันนั้น ขณะ "นาคท้วม" ขึ้นคานหามแห่รอบโบสถ์ ได้ซ่อนดาบไว้ใต้คานหาม เพื่อเตรียมพร้อม เพราะมีข่าวว่า ศัตรูจะมาก่อความวุ่นวาย
แต่เหตุการณ์เป็นที่น่าอัศจรรย์ ตรงที่ศัตรูที่ว่านั้นยกพวกมาจริง แต่เมื่อเห็น "นาคท้วม" แล้วก็เกิดความศรัทธา ด้วยเห็นว่าท่านละนิสัยได้จริง จึงอโหสิกรรม ไม่จองเวรจองกรรมกันอีกต่อไป
พระอุปัชฌาย์ของท่าน คือ พระครูนนทปรีชา (รอด) โดยมี พระอธิการชื่น วัดบางขวาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เกิด วัดคงคา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านบวชแบบมหานิกาย
เมื่อบวชแล้ว ก็ทำนิสัยอุปัชฌายะวัตรเป็นเวลา ๓ พรรษา ขณะนั้น เจ้าอธิการชื่น วัดบางขวาง ได้แปลงเป็นนิกายธรรมยุต พร้อมกับได้ชวนให้ท่านย้ายมาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดบางขวาง โดยท่านได้แปลงให้หลวงปู่ท้วมเป็นพระธรรยุติ โดยมี พระครูธรรมสารวิจิตร (อ่อน) วัดมัชฌันติการาม (วัดน้อย บางเขน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอิ่ม วัดเขมาภิรตาราม กับ พระอธิการชื่น วัดบางขวาง เป็นพระคู่สวด ได้รับฉายาว่า "ธมฺมธโร"
พระภิกษุท้วม มุ่งศึกษาพระธรรมวินัยเรียนภาษาบาลีมูลกัจจายน์ จนสามารถแปลหนังสือได้ และศึกษาวิปัสสนาธุระกับ หลวงพ่ออินทร์เทวดา วัดบางไทรม้า อาจารย์วิปัสสนาชื่อดังในยุคนั้น
ต่อมา เจ้าอธิการชื่น มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๓๕ ทางคณะสงฆ์จึงมีมติแต่งตั้งให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน ท่านปวารณาว่าจะบริหารวัดให้เจริญรุ่งเรือง โดยได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดบางขวาง และส่งเสริมการศึกษา โดยสร้างโรงเรียนพระภิกษุสามเณร ที่สำคัญคือ ท่านได้เชิญชวนให้ เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ บริจาคเงินสร้างอาคารเรียนเป็นตึก ๒ ชั้น ๔ ห้องเรียน ที่วัดบางขวาง ในปี ๒๔๔๓ ชื่อว่า "โรงเรียนรัตนาธิเบศร์" ซึ่งเป็นโรงเรียนแห่งแรกของจังหวัดนนทบุรี โรงเรียนนี้มีความเจริญก้าวหน้ามาจนปัจจุบัน นับได้ว่า ท่านเป็นพระนักพัฒนาตัวจริง ผลงานของท่านจึงมีมากมาย
เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ หลวงปู่ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัติที่ "พระครูศีลาภิรม" ขณะมีอายุได้ ๗๒ ปี ศิษยานุศิษย์จึงได้จัดงานทำบุญฉลองอายุให้ท่าน พร้อมกับออกเหรียญรูปเหมือนครึ่งองค์ เป็นเหรียญรูปอาร์ม ด้านหน้ามีตัวเลขไทย ๒๔๐๓-๒๔๗๕ ด้านหลังเป็นยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ นับเป็น เหรียญรุ่นแรก โดยแจกจ่ายให้แก่ศิษยานุศิษย์และญาติโยมที่มาร่วมงานในวันนั้น ซึ่งมีคุณในด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม และอยู่ยงคงกระพัน ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า จนเป็นที่เลื่องลืออย่างกว้างขวาง ทำให้มีผู้มาขอรับเหรียญจนหมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว
หลวงปู่ท้วม เป็นพระนักปฏิบัติ ไม่คุยโอ้อวด ไม่สะสมทรัพย์สมบัติของมีค่าเป็นการส่วนตัว ท่านได้อะไรมาก็มักจะทำให้ส่วนรวมบำรุงวัดหมด ท่านสร้างวัตถุมงคลและของขลังมาก จนเป็นที่รู้กันในบรรดาลูกศิษย์ลูกหาว่า ท่านเก่งมาก ใครได้ของแจกจากท่านไปไม่เคยผิดหวัง
หลวงปู่ท้วม และ สมเด็จพระสังฆราชกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) วัดบวรนิเวศวิหาร สนิทสนมชอบพอกันมาก ต้องการตำรับตำราเรื่องอะไรที่วัดบวรฯ หลวงปู่ไปขนมาได้ทันที เพราะท่านสนับสนุนการศึกษา พาครูจากกรุงเทพฯ ไปสอนที่วัดบางขวาง โดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาการศึกษาของพระเณร ท่านขยันอบรมสั่งสอนศีลธรรม แสดงพระธรรมเทศนาด้วยตนเอง โดยอย่างยิ่งไม่เคยขาดการทำวัตรสวดมนต์
หลวงปู่ท้วม มีเพื่อนพระทางวิปัสสนาธุระอยู่รูปหนึ่ง คือ พระครูวินัยธรรม (เจ๊ก) วัดศาลารี จ.นนทบุรี โดยการนั่งทางในคุยกันบ่อยๆ เคยแลกวิชาสะเดาะกุญแจโซ่ตรวนจากหลวงพ่อเจ๊ก ส่วนหลวงพ่อเจ๊กก็ศึกษาวิชามหาอุดจากท่าน ต่างใช้ได้ผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้บัญชาการเรือนจำบางขวาง พระยาอาญาจักร ได้ส่งนักโทษมาช่วยพัฒนาวัดบางขวาง เป็นจำนวนมาก ในวันนั้น มีนักโทษคิดจะหลบหนี โดยที่ประตูวัดเปิดทั้ง ๔ ด้าน แต่นักโทษเหล่านั้นกลับหาทางออกไม่ได้ เดินวกวนอยู่ในวัดนั่นเอง บางคนเห็นท่านเดินมาเท่านั้น ก็เกิดความประหม่า กลัวถึงกับก้าวขาไม่ออก เพราะอำนาจจิตท่านแรงมาก ใครคิดการณ์อะไรท่านรู้หมด พวกนักโทษในคุกบางขวางจึงให้ความเคารพยำเกรงท่านมาก เรียกหาใช้สอยได้หมด
ท่านอบรมนักโทษว่า "คนติดคุกนั้นรอวันออก เพราะมีกำหนด ถ้าประพฤติดีออกก่อนกำหนดก็ได้ บางคนที่อยู่ข้างนอกไม่รู้วันที่จะเข้าคุกก็มาก จึงอย่าประมาท ไม่มีใครรู้ชะตากรรม ขอให้พวกท่านทั้งหลาย อย่าได้สิ้นหวัง ชีวิตยังยืนยาวพอกลับตัวได้ ต้นคดปลายตรง คนก็ยังสรรเสริญ"
คติพจน์ของท่าน คือ "ชาติเสือ ไม่ต้องไปขอเนื้อใครกิน"
ต่อมาในปี ๒๔๘๓ หลวงปู่ท้วม มีอายุครบ ๘๐ ปี ได้มีการทำบุญฉลองอายุอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ท่านแจก พระผงรูปเหมือนครึ่งองค์ ทำด้วยเนื้อผง สีอมชมพู รูปกลม บรรจุเส้นเกศาของท่านด้วย ด้านหลังมียันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ มีอานุภาพทางแคล้วคลาด และเมตตามหานิยม ทุกวันนี้หายากเช่นเดียวกับเหรียญรุ่นแรก ปี ๒๔๗๕
พระเนื้อผงของหลวงปู่ท้วมรุ่นนี้ ชาวบ้านยุคเก่าก่อนยืนยันตรงกันว่า สร้างทันสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน
หลวงปู่ท้วม มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๔๙๔ สิริรวมอายุ ๙๑ ปี